วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บริจาคเลือด : ได้ทั้งผู้ให้ ผู้รับ

            การบริจาคเลือด ถึงเป็นกุศลและการแบ่งปันที่สูงค่า นอกจากความภูมิใจที่ได้แบ่งปันและช่วยเหลือผู้อื่นโดยทางอ้อมแล้ว เชื่อไหมคะว่าการบริจาคเลือด ยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย 
            มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเลือดของเราซักเล็กน้อยค่ะ เลือดประกอบด้วยพลาสมา และเม็ดเลือด คิดเป็น 8 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว ก็ประมาณซัก 5-6 ลิตรสำหรับผู้ชาย และ 4-5 ลิตรสำหรับผู้หญิง
เม็ดเลือดแต่ละชนิดจะมีอายุการทำงานที่ชัดเจนคือ เม็ดเลือดแดงมีอายุ 120 วัน เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดมีอายุ 5-10 วัน เมื่อถึงเวลาที่กำหนด เม็ดเลือดจะถูกทำลายและขับถ่ายออกมาในรูปของเหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระ หลังจากนั้นไขกระดูกก็จะรับหน้าที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดชุดใหม่ขึ้นมา

            ปริมาณเลือดที่มีในร่างกาถูกสร้างมาไว้เกินความต้องการใช้ เพราะร่างกายต้องการใช้เพียง 4 ลิตร เท่านั้น ส่วนเลือดอีกลิตรกว่าๆ ถูกสร้างมาเพื่อสำรองในเหตุการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นการบริจาคเลือดจึงไม่มีผลเสียต่อร่างกาย เพราะการรับบริจาคเลือดจะใช้เพียงประมาณ 350-450 มิลลิลิตร จึงเป็นการนำเลือดสำรองออกมาโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ แก่ร่างกาย อีกทั้งได้ประโยชน์อีกด้วยนะคะ ประโยชน์ที่พูดถึง เช่น
         • ร่างกายได้เม็ดเลือดใหม่ ซึ่งแข็งแรงและทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่า ทำให้เม็ดเลือดแดงลำเลียงออกซิเจนได้เต็มที่ เม็ดเลือดขาวทำลายสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น
         • กระตุ้นการทำงานของไขกระดูก เปรียบเหมือนการออกกำลังกายให้กับไขกระดูกได้ทำงานดีขึ้น          • ได้ตรวจสุขภาพทางอ้อม เพราะเมื่อมีการได้รับเลือดแล้ว ทางสภากาชาดจะต้องตรวจหาภาวะติดเชื้อต่างๆ เท่ากับผู้บริจาคได้รู้ภาวะสุขภาพของตนเองในขณะนั้นด้วย          • ลดความเสี่ยงโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน การวิจัยในประเทศฟินแลนด์พบว่า การบริจาคโลหิตช่วยลดความเสี่ยง   โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันในเพศชายได้ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ เพราะโรคนี้มีความสัมพันธ์กับปริมาณธาตุเหล็กที่สะสมในร่างกาย หากมีสะสมมาก โอกาสเสี่ยงย่อมสูง การบริจาคเลือดช่วยให้ร่างกายลดการสะสมธาตุเหล็ก ซึ่งเท่ากับลดความเสี่ยงโรคหัวใจลงด้วยนั่นเอง 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น